รุ่นที่ 4 (พ.ศ. 2558 - ปัจจุบัน) ของ มาสด้า_ดีมิโอ

Mazda 2 รุ่นที่ 4

มาสด้า ดีมิโอ หรือ มาสด้า 2 รุ่นที่ 4 มีรหัสว่า DJ ได้ถูกเปิดตัวในประเทศไทยเมื่อเดือนมกราคม 2558 ต่อจาก มาสด้า CX-5 และ มาสด้า 3 ภายใต้โครงการอีโคคาร์ เฟส 2

ในปี 2559 มาสด้า 2 ได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2016 (Thailand Car of The Year 2016) ประเภทรถอีโคคาร์ประเภทดีเซล

มาสด้า 2 มีเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 1.3 ลิตร อัตราส่วนการอัด 12.0:1 กำลังสูงสุด 93 แรงม้า ซึ่งมีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-D 1.5 ลิตร อัตราส่วนการอัด 14.8:1 กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ซึ่งมีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งเครื่องยนต์ทั้ง 2 เครื่องมีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 100 กรัม/กม. ผ่านมาตรฐาน Euro 5 ทั้งคู่ และเป็นครั้งแรกของมาสด้าที่นำเครื่องยนต์ดีเซลมาใส่ในกลุ่มรถยนต์นั่ง

ในต้นปี พ.ศ. 2560 มาสด้า 2 ได้มีการปรับอุปกรณ์ให้กับตัวรถโดยเพิ่มระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยเข้ามา ได้แก่ ระบบ i-Activesense และ ระบบ G-Victoring Control (GVC) อีกทั้งยังมีระะบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ (Cruise Control) และเกียร์ Paddle Shift ส่วนภายนอกมีการเปลี่ยนแปลงเพียงแค่เพิ่มคิ้วของโคมไฟหน้าด้วยกรอบโครเมียม ส่วนภายในมีการตกแต่งด้วยวัสดุใหม่ๆ เช่น เบาะผ้าสีดำหรือหนังแท้สีดำ แผงแดชบอร์ดเปียโนแบล็ค และมีการเดินตะเข็บที่แผงประตู แต่การตกแต่งจะแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่นย่อย ส่วนสีของตัวถังภายนอก ได้มีการเพิ่มสีมา 3 สี ได้แก่ สีดำ เจ็ทแบล็ค, สีเงิน เมทิออร์ เกรย์ และสีน้ำเงิน อีเทอนอล บลู

รุ่นปรับโฉม

Mazda2 (รุ่นปรับโฉม 2562)

ในเดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 มาสด้า 2 ได้มีการปรับปรุงใหม่และเพิ่มอุปกรณ์ให้กับตัวรถโดยเพิ่มระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยเข้ามา ทั้ง เปลี่ยน ไฟหน้า, กันชนหน้า, ไฟท้าย, กันชนท้าย และ ล้ออัลลอย 16 นิ้ว (เฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล) ดีไซน์ใหม่เพิ่ม ระบบปรับระดับไฟหน้า สูง-ต่ำ อัตโนมัติ, เครื่องเสียงรองรับ Apple CarPlay / Android Auto, กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา และ เซนเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 ตำแหน่ง ส่วนภายในมีการตกแต่งด้วยวัสดุใหม่ๆ เช่น เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง สีเทา สลับหนังกลับ Grand Luxe Suede เบาะนั่งหุ้มด้วยผ้า สีน้ำตาล และ เบาะนั่งหุ้มด้วยผ้า สีน้ำเงิน ส่วนสีของตัวถังภายนอก ได้มีการเพิ่มสีมา 2 สี ได้แก่ เทานม Polymetal Grey และ ขาว Ceremic Metallic และอัพเกรด ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง G-Vectoring Control PLUS อีกทั้งยัง ปรับรุ่นย่อยใหม่ 7 รุ่น

ไซออน iA และ โตโยต้า ยาริส (USA-Spec)

2016 Scion iA sedan (United States)
2017 Toyota Yaris iA sedan (United States)
2020 Toyota Yaris XLE hatchback (United States)

Toyota Yaris ในสหรัฐฯ ได้มีทายาทคันใหม่มารับช่วงต่อแล้ว แต่หน้าตาอาจจะคุ้นเคยกันเสียหน่อย เพราะนี่คือ Mazda 2 ที่ผ่านการเปลี่ยนตรายี่ห้อ และแต่งหน้าทาปากมาเล็กน้อยนั่นเอง เบื้องต้นมีรุ่นย่อยให้เลือกด้วยกัน 2 รุ่น ส่วนขุมพลังมีหนึ่งเดียวกับ เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร

จากข้อตกลงที่เคยทำกันเอาไว้ตั้งแต่ปี 2013 ความร่วมมือระหว่าง Toyota และ Mazda ระบุว่า Mazda จะผลิตรถยนต์ขนาดเล็กส่งให้ Toyota เอาไปจำหน่ายในตลาดอเมริกาเหนือ จึงเป็นผลทำให้ทั้งตัวถัง Sedan และ Hatchback ของ Mazda 2 กลายมาเป็น Yaris ทำตลาดในอเมริกาเหนือ

ภายนอกของ Toyota Yaris มาพร้อมกับอุปกรณ์ตกแต่งครบครันทั้ง กันชนหน้าทรงที่ต่างจาก Mazda 2, ไฟหน้าเปิดปิดอัตโนมัติแบบ LED พร้อมไฟ DRL, กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED – ระบบไล่ฝ้า, ไฟตัดหมอกหน้า, ล้อขนาด 16 นิ้ว และปลายท่อไอเสียโครเมี่ยม ด้านสีตัวถังมีให้เลือก 7 สี

ห้องโดยสารมีให้เลือกทั้งสีดำและสีเทา ส่วนพวงมาลัย, หัวเกียร์ และด้านเบรกมือตกแต่งด้วยการหุ้มหนัง ด้านอุปกรณ์มาตรฐานมีทั้ง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว, ระบบนำทาง, ระบบสั่งการด้วยเสียงพร้อมระบบเชื่อมต่อ Bluetooth และระบบ Push Start

ขุมพลังของ Toyota Yaris เป็นเครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร พร้อมหัวฉีดแบบ Direct Injection อัตราส่วนกำลังอัด 12.0 : 1 กำลังสูงสุด 106 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sport Mode

โครงสร้างตัวถังใช้เหล็กแรงดึงสูงพิเศษมากกว่า 65% ของชิ้นส่วนทั้งหมด ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ MacPherson strut ส่วนด้านหลังเป็นแบบ torsion-beam ปรับแต่งให้ตอบโจทย์ทั้งเรื่องการควบคุม และความนุ่มนวล ด้านการเก็บเสียงเหนือชั้น ด้วยการเพิ่มวัสดุซับเสียงรอบคัน รวมไปถึงกระจกแบบซับเสียง

ระบบความปลอดภัยติดตั้ง ระบบลดความเร็วโดยอัตโนมัติเมื่อใช้ความเร็วต่ำ Low-speed Pre-collision Safety System ในทุกรุ่นย่อย ทั้งยังมีระบบช่วยควบคุมการทรงตัว DSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC, ระบบเบรก ABS – EBD – BA และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง

Toyota Yaris พร้อมออกจำหน่ายแล้วในสหรัฐฯ โดยมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ประกอบด้วย LE และ XLE ทุกคันมาพร้อมการรับประกันนาน 3 ปี หรือ 36,000 ไมล์ (ราว 57,900 กิโลเมตร) ส่วนเครื่องยนต์และตัวถังผุกร่อน ขยายการรับประกันเป็น 5 ปี โดยไม่จำกัดระยะทางสำหรับอย่างหลัง